เมื่อเร็วๆ นี้ คุณอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับเมทาเวิร์สและการรีแบรนด์ของ Facebook เป็น Meta ซึ่งสะท้อนทิศทางการเป็นเมทาเวิร์ส
ตามรายงานของ The Verge เมทาเวิร์สนั้นยากที่จะอธิบายด้วยเหตุผลเดียวเพราะมันไม่จำเป็นต้องมีอยู่จริง ส่วนหนึ่งนั้น เมทาเวิร์สคืออนาคตแห่งโลกอินเทอร์เน็ต และอีกส่วนหนึ่งคือเป็นวิธีในการครอบคลุมแนวโน้มของโครงสร้างพื้นฐานออนไลน์ในปัจจุบัน รวมถึงการเติบโตของโลก 3 มิติในเวลาเรียลไทม์
เมทาเวิร์สเป็นเพียงแนวคิด ไม่ใช่เรื่องใหม่ โดยแนวคิดนี้มีต้นกำเนิดมาจาก Snow Crash จาก Neal Stephenson นวนิยายแนวดิสโทเปียในทศวรรษที่ 1990 ที่ซึ่งผู้คนหนีจากโลกแห่งความเป็นจริงที่ล่มสลายสู่โลกเสมือนจริง
(Photo courtesy of Unsplash/@XR Expo)
แล้วเมทาเวิร์สคืออะไรกันแน่
ขึ้นอยู่กับว่าคุณถามใคร แต่เมทาเวิร์สมักจะถูกนิยามว่าเป็นพื้นที่ที่ให้หลายระบบมาเชื่อมต่อกัน บางครั้งมาในรูปแบบ VR บางครั้งก็เป็นประสบการณ์ผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ และบางครั้งก็รวมไปถึงจุดอ้างอิงแบบเรียลไทม์ที่เชื่อมต่อไปยังโลกแห่งความเป็นจริง
นักลงทุนอย่าง Matthew Ball เจ้าของบทความ Metaverse Prime กล่าวว่า “เมทาเวิร์สคือเครือข่ายอันกว้างใหญ่ของโลก 3 มิติที่แสดงผลแบบเรียลไทม์และเป็นการจำลองที่สนับสนุนความต่อเนื่องของข้อมูลประจำตัว วัตถุ ประวัติ การชำระเงิน และการให้สิทธิ์ และสามารถสัมผัสประสบการณ์ไปพร้อมกันได้โดยไม่จำกัดจำนวนผู้ใช้ และให้ความรู้สึกเสมือนได้อยู่ ณ จุดๆ นั้นจริงๆ”
Facebook ซึ่งเป็นบริษัทด้านเทคโนโลยีที่ถือหุ้นรายใหญ่ที่สุดในเมทาเวิร์ส อธิบายง่ายๆ ว่า “เมทาเวิร์สคือพื้นที่เสมือนที่คุณสามารถสร้างและสำรวจร่วมกับคนอื่นๆ ที่ไม่ได้อยู่ในพื้นที่ทางกายภาพเดียวกันกับคุณได้”
Photo courtesy of Unsplash/@Lucrezia Carnelos
ทำไมคำว่า “เมทาเวิร์ส” ถึงมีประโยชน์ “อินเทอร์เน็ต” ครอบคลุมแอปมือถือ เว็บไซต์ และบริการโครงสร้างพื้นฐานทั้งหมดแล้ว
เริ่มเกิดความเห็นถากถางดูถูกมากขึ้นว่า “เมทาเวิร์ส” นั้นช่วยให้บริษัทต่างๆ หลีกเลี่ยงประสบการณ์ด้านลบที่ผ่านมาของ “อินเทอร์เน็ต” โดยทั่วไปและโดยเฉพาะในโซเชียลมีเดียได้ ซึ่งทาง Joan Donovan ที่เป็นนักวิจัยก็ได้กล่าวกับวอชิงตันโพสต์ว่า “ตราบใดที่คุณสามารถสร้างเทคโนโลยีที่ใหม่และสุดยอดออกมาได้ คุณก็หลีกเลี่ยงกฎเกณฑ์ได้” “คุณสามารถป้องกันกฎเกณฑ์ได้หลายปีกว่าที่รัฐบาลจะตามคุณทัน”
นอกจากนี้ยังมีเหตุผลง่ายๆ อีกหนึ่งข้อ คือ เมทาเวิร์สฟังดูล้ำสมัยกว่า “อินเทอร์เน็ต” และทำให้นักลงทุนและสื่อมวลชน (รวมถึงพวกเรา!) รู้สึกตื่นเต้น
